8 วิธีที่จะช่วยให้คุณวิ่งได้ดีและทนตลอดไป
แน่นอนว่าสุขภาพร่างกายของเราอาจไม่ได้แข็งแรงตลอดเวลา มากไปกว่านั้นก็ยังมีหน้าที่การงาน ความรับผิดชอบต่าง ๆ ที่เราต้องจัดการในแต่ละช่วงวัยแตกต่างกันไป วันนี้ Supersports จะพามาดูวิธีการรักษาสุขภาพ เวลา และกำลังใจในแต่ละช่วงวัย ให้วิ่งสนุก แม้ว่าอายุจะเริ่มมากขึ้น
1. ฝึกดูแลตัวเองหลังจากการวิ่ง ให้เป็นนิสัย
สำหรับนักวิ่งที่ใกล้เลข 4 จำเป็นต้องลดความหนักหน่วงในการออกกำลังกายลง เทรนสมาร์ทดีกว่าเทรนฮาร์ด ให้ความสำคัญกับการฟื้นฟูร่างกาย เพื่อรักษาเพอร์ฟอร์แมนซ์ของตัวเอง เน้นการรับประทานโปรตีนให้มากขึ้น เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและหัวใจ ให้สูบฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้อย่างเพียงพอ ให้โควต้าการวิ่งออกกำลังกายหนัก ๆ เพียงแค่ 2 – 3 ครั้งต่อสัปดาห์ รับประทานโปรตีนทันที 40 กรัมหลังจากออกกำลังกาย ก็จะช่วยให้กล้ามเนื้อฟื้นฟูตัวเองเร็วขึ้น รวมไปถึงเสริมวิตามินดี เพราะจะทำให้มีแรงวิ่งและลดอาการบาดเจ็บได้เป็นอย่างดี
2. เน้นการวิ่งอย่างแข็งแรง มากกว่าการวิ่งอึด
เมื่อฮอร์โมนของผู้หญิงเปลี่ยนแปลงในวัย 40 ทำให้ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและพละกำลังลดลง นักวิ่งจึงรู้สึกได้อย่างชัดเจนหลังจากการวิ่งว่ามีอาการปวดกล้ามเนื้อ หากฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลง ทำให้เราสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อยากขึ้น ดังนั้นควรเสริมโปรตีน 1.4 กรัม ต่อการเล่นบอดี้เวท 1 กิโลฯนอกจากฮอร์โมนแล้วยังมีความหนาแน่นของกระดูกที่ต้องคอยดูแล ควรเสริมแม็กนีเซียม วิตามิน K2 แคลเซียม และวิตามิน D3
3. วิ่งอย่างมีความสุข
ทั้งนักวิ่งหญิงและนักวิ่งชายที่อายุ 50 แล้ว ควรมองข้ามการมอนิเตอร์ความเร็ว ระยะทาง หรือการตั้งเป้าหมายสูง ๆ สำหรับการวิ่งในแต่ละครั้ง มองการวิ่งให้เป็นเหมือนการฝึกสมาธิ ที่ให้แต่ความสุขและความสบายใจ
4. รักษาความยืดหยุ่นของร่างกาย ให้วิ่งได้เหมือนเดิม
ไม่จำเป็นต้องวิ่งได้ดีกว่าเดิมทุกครั้ง เพียงวิ่งแล้วไม่มีอาการบาดเจ็บตามมาก็นับว่าเพียงพอแล้ว พยายามดูแลรักษาห่วงโซ่อวัยวะที่ใช้ในการวิ่ง เช่นกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น และกระดูก ให้ยืดหยุ่น เอื้อต่อการวิ่งออกกำลังกาย
5. รักษาความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ให้ก้าวยาวและก้าวเร็ว
นิตยสารทางด้านการแพทย์ชี้แจงว่านักวิ่งมาราธอนที่อายุ 60 ปีขึ้นไปจะมีระยะความยาวในการก้าวสั้นลง 16% หากเทียบกันนักวิ่งมาราธอนที่อายุ 40 ปี การวิ่งช้า ๆ ขึ้นที่สโลปจะช่วยให้รักษาความยาวของการก้าวได้ เพิ่มโปรตีน 20 กรัมต่อมื้อ หรือ 1.2 – 1.6 กรัมต่อการเล่นบอดี้เวท 1 กิโลกรัม เสริมแคลเซียม วิตามิน D วิตามิน K และไฟเบอร์ เพื่อความแข็งแรงของกระดูก
6. ตามหาความท้าทายอยู่เสมอ
คำถามง่าย ๆ ที่เราใช้ตั้งคำถามกับทุกสิ่งเลยก็คือ ที่ไหน? เมื่อไหร่? ทำไม? เปลี่ยนที่วิ่งบ้าง เปลี่ยนเวลาเช้าสลับเย็น หรือตามหาเหตุผลของเราเองว่ายังวิ่งออกกำลังกายอยู่เพื่ออะไร ใช้จินตนาการให้การวิ่งของเราน่าสนใจอยู่เสมอ
7. เป็นโค้ชวิ่งให้หลาน ๆ บ้าง
เมื่อเดินทางมาถึงอายุ 70 นักวิ่งมาราธอนรุ่นเก่าอย่างคุณปู่คุณย่าก็ให้ความเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่าการออกไปนอกบ้านไม่ใช่เรื่องง่ายอีกต่อไปแล้ว แชร์ประสบการณ์การวิ่งกับนักวิ่งรุ่นเยาว์น่าจะเป็นการดีกว่า หากทำกิจกรรมกายบริหารแทนการวิ่งได้ ให้เน้นท่าบริหารการทรงตัว อย่างเช่นยืนทรงตัวขาเดียว หรือโยคะ
8. เอาชนะความเจ็บป่วย
รักษาความสม่ำเสมอในการออกกำลังกายเพื่อให้ร่างกายแข็งแรงอยู่เสมอ อาจจะไม่เน้นการวิ่ง แต่เน้นการออกกำลังกายที่มีแรงกระแทกน้อย เช่นการปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ เดินช้า หรือเดินเร็ว